UFABETWINS แนวโน้มการเงินที่ดีขึ้นของ ลิเวอร์พูล ในยุค คล็อปป์

ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่ถือเป็นช่วงเวลา แห่งความสุข ของเหล่าสาวก ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง เพราะหลังจากได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2018-19 แล้วนั้น ในซีซั่นนี้พวกเขา ก็มาได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีก ส่งผลให้การรอคอยแชมป์ลีก ของพวกเขาจบลงที่ ระยะเวลา 30 ปี

แน่นอน เครดิตสำหรับความสำเร็จส่วนใหญ่ควรตกเป็นของ คล็อปป์ หลังจากที่เขาทำทีมได้อย่างยอดเยี่ยม แต่นอกเหนือจากถ้วยแชมป์แล้วนั้น ลิเวอร์พูล ในยุคของ คล็อปป์ ก็ยังมีการเงินที่ดีขึ้นอย่างมากเช่นกัน ลองไปดูตัวอย่างกันดีกว่าว่ามันมีด้านไหนบ้าง

– ในฤดูกาล 2014-15 หรือก็คือซีซั่นแบบเต็มตัวซีซั่นสุดท้ายของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นั้น ลิเวอร์พูล ทำรายได้โดยรวมไป 298 ล้านปอนด์ พร้อมกับมีค่าใช้จ่ายด้านค่าเหนื่อยต่างๆ รวม 166 ล้านปอนด์ ซึ่งส่วนหนึ่งที่รายได้ไม่เยอะก็เพราะผลงานโดยรวมไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก แม้ว่าจะมีฤดูกาลหนึ่งที่ ร็อดเจอร์ส เคยพาทีมเกือบเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ แต่การที่หลังจากนั้นผลงานดร็อปลงอย่างน่าใจหายมันก็ส่งผลกับการเข้ามาของสปอนเซอร์และยอดขายสินค้าต่างๆ ด้วย

UFABETWINS

อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2018-19 รายได้ของ ลิเวอร์พูล เพิ่มเป็น 533 เปอร์เซ็นต์ หรือก็คือเพิ่มจากซีซั่น 2014-15 ถึง 79 เปอร์เซ็นต์ด้วยกันแม้ว่าภาระค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเหนื่อยจะอยู่ที่ 310 ล้านปอนด์ แต่ส่วนต่างก็ยังอยู่ที่ 223 ล้านปอนด์ ดีกว่าฤดูกาล 2014-15 ซึ่งอยู่ที่ 132 ล้านปอนด์ ตั้งเยอะ

UFABETWINS

– ในปี 2019 ลิเวอร์พูล ทำรายได้จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดเกมการแข่งขันได้ถึง 261 ล้านปอนด์ ซึ่งพวกเขาถือเป็นทีมที่ทำรายได้ในด้านนี้สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกในปีนั้น เหนือกว่าแม้กระทั่ง บาร์เซโลน่า ที่มีนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ เป็นแม่เเหล็กดูดให้แฟนบอลเปิดไปชมเกมของพวกเขาซะอีก

นอกจากนี้ ถ้าหากนับเฉพาะค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดในเกมระดับทวีปยุโรปแล้วล่ะก็ ลิเวอร์พูล ก็สามารถทำเงินได้ถึง 230 ล้านปอนด์ ในช่วงระหว่างปี 2015-2019 ซึ่งส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะทีมไปถึงรอบชิงชนะเลิศของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ถึง 2 ปีติดต่อกันนั่นเอง โดยพวกเขาทำเงินด้านนี้ได้เยอะมากทั้งที่ในฤดูกาล 2016-17 ไม่ได้เล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปด้วยซ้ำ

UFABETWINS

– หากนับจนถึงฤดูกาล 2018-19 แล้วล่ะก็ 4 ฤดูกาลของ ลิเวอร์พูล ที่มี คล็อปป์ เป็นกุนซือนั้น “หงส์แดง” มีกำไรก่อนหักภาษีรวมแล้ว 187 ล้านปอนด์ ทำให้พวกเขาเป็นทีมอันดับ 2 ของเกาะอังฤษที่ทำกำไรก่อนหักภาษีได้มากที่สุด แพ้เพียง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แค่ทีมเดียวเท่านั้น หลังจาก สเปอร์ส ทำเงินในด้านนี้ได้ 323 ล้านปอนด์

ทั้งนี้ หากนับเฉพาะซีซั่นก่อนแค่ซีซั่นเดียวแล้วล่ะก็ ลิเวอร์พูล ก็มีกำไรหลังหักภาษี 42 ล้านปอนด์ สูงเป็นอันดับ 2 ของ พรีเมียร์ลีก เช่นกัน และแพ้แค่ สเปอร์ส เหมือนเดิม แต่นั่นก็ถือเป็นตวัเลขที่น่าประทับใจแล้ว เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าในฤดูกาล 2015-16 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ คล็อปป์ เข้ามาคุมทีมเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015 นั้น ลิเวอร์พูล ยังขาดทุนในช่วงก่อนหักภาษีไป 20 ล้านปอนด์ด้วยกัน

UFABETWINS

– ในช่วงระหว่างปี 2015-2019 ลิเวอร์พูล ทำเงินจากการขายนักเตะได้รวมแล้ว 249 ล้านปอนด์ ซึ่งในบรรดาท็อปซิกซ์ของ พรีเมียร์ลีก มีเพียง เชลซี ที่ทำเงินในด้านนี้ได้มากกว่าพวกเขาที่จำนวน 292 ล้านปอนด์ ขณะที่ สเปอร์ส, อาร์เซน่อล, แมนฯ ซิตี้ และ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำเงินจากการขายนักเตะในช่วง 4 ปีนั้นได้ 151 ล้านปอนด์, 141 ล้านปอนด์, 133 ล้านปอนด์ และ 45 ล้านปอนด์ ตามลำดับ

แน่นอน บางคนอาจจะบอกว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล มีตัวเลขด้านนี้เยอะเป็นเพราะเคยขยา ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ได้ในราคา 124 ล้านปอนด์ แต่ต่อให้หักเงินส่วนนั้นออกไปมันก็ยังถือว่า ลิเวอร์พูล ในยุคของ คล็อปป์ ได้เงินจากการขายนักเตะเฉลี่ยแล้วปีละ 44.75 ล้านปอนด์อยู่ดี

UFABETWINS

– ถ้าหากเอารายจ่ายในด้านการซื้อนักเตะกับรายรับจากการขายแข้งตลอดช่วงปี 2015-19 มาหักลบกันแล้วนั้น มันก็จะพบว่าในช่วงนั้น ลิเวอร์พูล ใช้งบช็อปโดยรวมไปเพียง 278 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่ คล็อปป์ ก็ยังพัฒนาทีมได้อย่างยอดเยี่ยมจนกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งเหมือนอย่างในทุกวันนี้ได้

ตัวเลขในด้านนี้ของ ลิเวอร์พูล ถือว่าน้อยกว่า แมนฯ ซิตี้ เยอะ เพราะ แมนฯ ซิตี้ ใช้งบช็อปไปถึง 594 ล้านปอนด์ เมื่อทำการหักรายจ่ายในด้านการซื้อนักเตะกับรายรับจากการขายแข้งไปแล้ว ส่วนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็สูงถึง 542 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/

อ่านเพิ่มเติม >>> https://www.norexice.com/