UFABETWINS การย้ายทีมที่เปลี่ยนชะตาสโมสร

ในโลกฟุตบอลการย้ายทีม ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น อยู่ที่ว่าทีมที่คุณเชียร์ จะเป็นฝ่ายซื้อหรือฝ่ายขาย

         หลายทีมได้สตาร์ดังไปร่วมทีม ในขณะที่อีกหลายทีมก็เป็นฝ่ายเสีย และบางครั้งมันก็นำมาซึ่ง ความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ ให้กับสโมสรปลายทาง

         ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นสัญญา เป็นสถิติโลกของ ซีเนดีน ซีดาน หรือการย้ายทีมไปแบบค่าตัวสุดถูกของ แว็งซ็องต์ ก็องปานี – พวกเขาต่างนำมาซึ่ง โมเมนตัมที่ดีให้กับทีม

         โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เอริก คันโตน่า ที่เซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พลิกโฉมหน้าของสโมสรไปตลอดกาลที่ทุกวันนี้ยังคงได้ถูกพูดถึง ไม่ใช่แค่กับประวัติศาสตร์ของ “ปีศาจแดง” แต่รวมถึงพรีเมียร์ลีกด้วย

         บรูโน่ แฟร์นันด์ส ในโลกยุคปัจจุบันถือเป็นตัวอย่างชั้นดีที่พา แมนฯ ยูไนเต็ด จากที่ดูจะไปไม่รอดแต่กลับพาให้ทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ฟื้นตัวขึ้นมาอย่สงไม่น่าเชื่อ

         ในทำนองเดียวกันของโลกฟุตบอล เราได้เห็นการย้ายทีมไม่น้อยที่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของสโมสรอย่างมาก เราลองดู 5 เหตุการณ์ย้ายทีมนับตั้งแต่เข้าสู่ศตวรรษใหม่ว่ามีใครกันบ้าง

อันเดรีย ปีร์โล่ – จาก เอซี มิลาน ไป ยูเวนตุส

         อย่างที่รู้กันว่า ยูเวนตุส คือขาใหญ่ประจำประเทศ ก่อนที่จะล้มเหลวในฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา มาแล้ว 9 สมัยติดต่อกัน

         เรียกได้ว่าแค่คู่แข่งรู้ว่าต้องเจอกับ “ม้าลาย” ก็แทบจะรอความพ่ายแพ้กันแล้ว

         แต่ว่าก่อนหน้าที่จะเข้าเบรกคว้าแชมป์ยาวต่อเนื่องเกือบทศวรรษนั้นก็มีช่วงเวลาแห่งความมืดมนของสโมสรที่ไม่ได้แชมป์ลีกสูงสุดของแดนรองเท้าบู๊ตยาวนาน 8 ปี จากปี 2003-2011

         และการกลับคืนสู่ความสำเร็จนั้น หนึ่งในกุญแจสำคัญก็คือการมาของ อันเดรีย ปีร์โล่ นั่นเอง และที่สำคัญคือเขาย้ายมาร่วมทีมแบบ “ไม่มีค่าตัวด้วย”

         การย้ายมาร่วมทีมในวัย 33 ปีนี่แม้จะดูว่าสูง แต่การเล่นของมิดฟิลด์รายนี้ไม่เคยต้องใช้แรงแต่ใช้สมองเป็นหลัก และช่วงเวลา 4 ปีที่อยู่กับทีมนั้น ยูเวนตุส ได้แชมป์สคูเด็ตโต้ 4 สมัยรวด

         เรียกได้ว่านี่คือการย้ายทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของ ยูเวตตุส น่าเสียดายที่การกลับมาในฐานะกุนซือกลับไปประสบความสำเร็จก่อนแยกทางด้วยแชมป์บอลถ้วยอย่าง ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย กับ โคปปา อิตาเลีย เท่านั้น

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ – จาก เซาธ์แฮมป์ตัน ไป ลิเวอร์พูล

         “ยักษ์หลับ” คือคำนิยามของ ลิเวอร์พูล อย่างแม้จริงหลังจากไม่ได้แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษมานานถึว 30 ปี แม้ระหว่างทางจะมีบอลถ้วยอยู่เรื่อยๆ แต่มันก็ยังไม่สุดสำหรับ “เดอะ ค็อป” จริงๆ

         เจอร์เก้น คล็อปป์ ค่อยๆปรัยแต่งทีมให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่หัวใจสำคัญที่สุดของความสำเร็จก็คือการมาของนักเตะที่ชื่อ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

         ไม่เกินไปเลยหากจะบอกว่าการได้เซนเตอร์ทีมชาติฮอลแลนด์มาร่วมทีมคือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่เข้ามาลงล็อคพอดีเป๊ะ และเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของทีมฟุตบอล – เกมรับ

         แม้บางคนอาจจะบอกว่าเกมรุกคือเกมรับที่ดีที่สุด แต่ในยามที่ต้องเล่นเกมรับหากทีมเสียประตู ต่อให้เกมรุกทำได้ดีแค่ไหนเชื่อเถอะมันถอดใจได้เหมือนกัน

          เพียงแค่ปีแรกความแข็งแกร่งของ ฟาน ไดค์ พา “หงส์แดง” ทะยานถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้จะลงเอยด้วยความล้มเหลว แต่ปีถัดมาทีมก็เข้าชิงถ้วยอีกครั้งและคว้าแชมป์มาครองอย่างยิ่งใหญ่ ต่อด้วยการคว้าทั้งถ้วยยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ สโมสรโลก

         กระทั่งฤดูกาล 2019/20 แฟน ลิเวอร์พูล ก็ได้เฮกันเต็มที่เพื่อทีมเดินหน้าเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกมาครองชนิดที่ทิ้งคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น กวาดคะแนนไปสูงถึง 98 คะแนน ด้วยการลงเล่นทุกนาที พร้อมกับความรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีอีกด้วย

         เรียกได้ว่าการมาของ ฟาน ไดค์ จัดอยู่ในอันดับต้นๆของการส่งผลกระทบต่อสโมสรที่ช่วยให้ทีมกลับมาประสบความสำเร็จอย่างงดงามอีกครั้ง

โรนัลดินโญ่ – จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไป บาร์เซโลน่า

         ไม่มีแฟนบอลคนไหนในโลกที่ไม่รู้จัก โรนัลดินโญ่ และถึงแม้ว่าคุณจะเป็นแฟนบอลของคู่แข่ง คุณก็ยากที่จะโกรธหากเห็นเขาเล่นงานใส่ทีมรักของคุณ

         ช่วงต้นยุค 2000 ถือเป็นช่วงที่ บาร์เซโลน่า กำลังดิ้นรนอย่างหนักเพื่อกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่ต้นยุค 90′ ทีมเคยได้แชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกัน แต่ในช่วงปี 1999-2004 ทีมกลับล้มเหลวต่อเนื่อง แถมหลุดจากท็อป 3 ของตารางถึง 3 ปีด้วย

         เช่นเดียวกันกับหลายๆกรณี การได้นักเตะคนเดียวสามารถเปลี่ยนแปลงทีมให้พลิกกลับมาได้ และเงินเพียง 30 ล้านยูโรสามารถพา “เจ้าบุญทุ่ม” กลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในลีกแต่รวมถึงในบอลยุโรป

         และที่สำคัญที่สุดคือ “เหยินน้อย” เป็นผู้ที่ถ่ายทอดวิชาให้ ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์หมายเลข 1 ของโลกคนปัจจุบันมีทุกวันนี้ด้วย

         “โรนัลดินโญ่ คือคนที่เปลี่ยนแปลงบาร์ซ่า มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการมาของเขานั้นมหัศจรรย์มาก ในปีแรกเราไม่ได้รางวัลอะไรเลย เขาไม่ได้นำทีมได้แชมป์แต่ผู้คนหลงรักเขา จากนั้นโทรฟี่ก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาและเขาก็ทำให้ทุกคนแฮปปี้ บาร์ซ่าควรจะขอบคุณกับสิ่งที่เขาทำเสมอ” จาก เมสซี่

จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ – จาก วาสโก ดา กาม่า ไป โอลิมปิก ลียง

         ก่อนที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะก้าวขค้นมาครองความยิ่งใหญ่ของลีกน้ำหอม มันเคยเป็น ลียง ที่คือจ้าวแห่งฝรั่งเศสมาก่อน และนั่นมีผลมาจากการมาของชายที่ชื่อ จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่

         ในขณะที่ อันเดรีย ปีร์โล่ พา ยูเวนตุส ได้แชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 9 ปี, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ช่วย ลิเวอร์พูล ยุติการรอยคอยแชมป์พรีเมียร์ลีก 30 ปีของ ลิเวอร์พูล แต่สิ่งที่มิดฟิลด์บราซิลนำมาสู่ ลียง ยิ่งใหญ่กว่านั้น

         แค่ปีแรกที่ย้ายมาร่วมทีมเขาพาทีมได้แชมป์ลีก เอิงสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และเท่านั้นไม่พอยังนำทัพกวาดแชมป์ติดต่อกันนานถึง 7 สมัย ชนิดที่ยังไม่มีใครทำได้มาก่อน รวมถึงพาทีมเป็นสโมสรสุดอันตรายในเวทียุโรปอีกด้วย

         มั่นใจได้เลยว่าในช่วงเวลาที่ จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ ค้าแข้งในฝรั่งเศสกับ โอลิมปิก ลียง นั้นไม่มีใครไม่รู้จัก “ฟรีคิก” สุดแสนจะอันตรายไม่ว่าจะอยู่ในจุดไหนของแดนคู่แข่ง โดยปัจจุบันเจ้าตัวรับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของสโมสร

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ – จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป เรอัล มาดริด

         ย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกเมื่อย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 94 ล้านยูโร

         แต่ถึงกระนั้นต้องบอกว่าเงินที่ “ราชันชุดขาว” จ่ายไปนั้นคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม จะบอกว่าคุ้มเหมือนได้ฟรีก็ไม่มากจนเกินไปเลย

         สถิติแล้วอันแล้วอันเล่าโดนสตาร์ทีมชาติโปรตุเกสทำลาย ระยะเวลา 9 ปีในรั้วซานติอาโก้ เบร์นาเบว เขาพาทีมคว้าแชมป์ 15 รายการ โดยเฉพาะการพาทีมคว้าโทรฟี่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยติดต่อกันต้องบอกว่ายอดเยี่ยมจริงๆ

         แถมสถิติตัวเลขทำประตูนั้นก็เข้าขั้นสุดยอดด้วยการกด 450 ประตูจาก 438 เกม ยังมีอีก 132 แอสซิสต์ เป็นผู้เล่นที่ยิงประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร จะมีนักเตะสักกี่คนบนโลกที่ยิงมากกว่าที่ลงสนาม แค่ยิงให้ได้สักครึ่งที่ลงเล่นก็ถือว่าเก่งแล้ว

         “มีนักเตะไม่กี่คนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘นิว จอร์จ เบสต์’ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับคำชมเชยจากผม” จอร์จ เบสต์ ผู้ล่วงลับเคยกล่าวถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้

คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล