ีUFABETWINS ไม่งั้นวุ่นวาย!บิ๊กส.บอลอิตาลีลั่นซีซั่นนี้ต้องเตะให้จบแม้ลากยาว
กาบริเอเล่ กราวิน่า บิ๊กบอสสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี ระบุ ไม่ว่ายังไงซีซั่น 2019-20 ก็ต้องเตะกันให้จบ โดยบอกว่าถ้ายกเลิกฤดูกาลนี้มันก็ต้องวุ่นแน่ๆ จากการที่จะมีการฟ้องร้องกันอย่างหนัก
กาบริเอเล่ กราวิน่า ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (เอฟไอจีซี) ยืนกรานว่าฤดูกาล 2019-20 จำเป็นต้องแข่งให้จบ เพื่อที่จะได้ไม่เกิดความขัดแย้งระหว่างหลายฝ่ายจนถึงขั้นที่ต้องไปฟ้องร้องกันในชั้นศาล
อิตาลีเป็นหนึ่งในชาติที่จำเป็นต้องพักการแข่งขันกีฬาทุกชนิด หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รุนแรงอย่างมาก ซึ่งมันก็ทำให้เกิดการตั้งประเด็นตามมาว่าศึก กัลโช่ เซเรีย อา อาจจะจำเป็นต้องตัดจบพร้อมกับตัดสินเรื่องต่างๆ ด้วยอันดับตารารงคะแนนในตอนนี้ อย่างเช่นเรื่อง แชมป์และทีมที่ได้สิทธิ์เล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นต้น ส่วนบางคนก็คิดว่าอาจจะควรให้มันเป็นโมฆะไปเลย
กราวิน่า เผยว่า “วิธีที่จริงจังเพียงวิธีเดียวสำหรับการรับมือกับเรื่องฉุกเฉินแบบร้ายแรงนี้คือการเล่นฤดูกาล 2019-20 ให้จบภายในปีนี้ให้ได้ เรากำลังทำงานอย่างหนักในการหาทางออกทุกทางเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อที่จะสามารถจัดการกับสถานการณ์นี้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“มันอาจจะไปจบในเดือนกันยายนหรือตุลาคมรึเปล่าน่ะเหรอ ? นั่นก็เป็นสมมุติฐานอันหนึ่งน่ะนะ เรากำลังหาทางที่จะทำให้มันไม่เกิดความเสียหาย เราไม่ได้มองถึงแค่ฤดูกาล 2019-20 แต่รวมถึงซีซั่น 2020-21 ด้วย ถ้าฤดูกาลนี้เป็นโมฆะมันก็จะเกิดการฟ้องร้องอย่างหนัก เราจะโดนทุกฝ่ายที่ได้รับความเสียหายทั้งในด้านสิทธิและผลประโยชน์ของพวกเขาฟ้องร้องอย่างหนักแน่นอน มันจะกลายเป็นว่าเราเสี่ยงทำให้การแข่งขันต้องไปเกิดขึ้นเฉพาะในชั้นศาลเท่านั้น”
พรีเมียร์ลีกเตรียมคุยรัฐบาลหวังลีกเตะเดือน มิ.ย.
พรีเมียร์ลีก พร้อมที่จะเปิดฉากการพูดคุยกับรัฐบาลอังกฤษ เพื่อนำเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี กลับมาแข่งในเดือนมิ.ย.นี้ โดยจะใช้มาตรการเข้มข้นให้การแข่งขันต้องเล่นแบบสนามปิด และจัดสภาพแวดล้อมเพื่อให้นักเตะทุกคนปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19
พรีเมียร์ลีก เตรียมยกระดับการพูดคุยกับรัฐบาลเรื่องการที่จะให้โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดประเทศอังกฤษ กลับมาเตะกันใหม่ในเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะใช้มาตรการให้ทุกๆ เกมห้ามมีผู้ชมเข้าไปในสนามอย่างเด็ดขาด จากการรายของ เดอะ มิร์เรอร์ สื่อดังในเมืองผู้ดี
การแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อโควิด-19 ทำให้ลีกฟุตบอลทั่วโลกโดนพักการแข่งชั่วคราว โดยของ พรีเมียร์ลีก ตอนแรกประกาศว่าจะหยุดแข่งถึงวันที่ 3 เมษายนนี้ ก่อนที่จะยืดระยะเวลาการพักไปเป็นถึงวันที่ 30 เมษายน และล่าสุดมีการประกาศเลื่อนแบบไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะปลอดภัย
อย่างไรก็ตามจากรายงานปัจจุบันของ เดอะ มิร์เรอร์ ระบุว่า พรีเมียร์ลีก ได้ยื่นเรื่องกับรัฐบาลเมืองผู้ดี เพื่อต้องการให้เกมลีกสูงสุดกลับมาแข่งในเดือนมิถุนายน โดยมีข้อตกลงเบื้องต้นว่าจะให้การแข่งขันที่เหลืออยู่เป็นการเล่นแบบสนามปิด เท่านั้น
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่พรีเมียร์ลีก ยังได้เตรียมพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องมาตรการครอบคลุมเพื่อให้นักเตะทุกคนได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยปราศเชื้อไวรัสทุกชนิดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมไปถึงข้อจำกัดในการติดต่อกับสาธารณชน
นอกจากนี้ยังมีการหารือเรื่องที่แฟนบอลจะไม่พลาดการชมเกม โดยจะมีการพูดคุยกับตัวแทนถ่ายทอดสดเพื่อให้มีการถ่ายทอดหลายๆ เกมในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน โดยงานนี้หลายๆ สโมสรคาดหวังว่าแฟนบอลจะได้รับชมเกมทางหน้าจอทีวีทั่วโลก ขณะเดียวกัน สกาย สปอร์ต และ บีที สเปอร์ต ซึ่งผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดเกมที่เหลืออยู่ ต้องมีการพูดคุยเรื่องข้อตกลงในการถ่ายทอดสดฟรี หรือจะเป็นรูปแบบอื่น
อดีตหอมหวาน! “รูนี่ย์” เผยสัมพันธ์ “โรนัลโด้” หลังเหตุกระพริบตาเวิลด์คัพ 2006
เวย์น รูนี่ย์ หัวหอกจอมเก๋าเลือดผู้ดี เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ตนได้ไล่ออกในเกมที่อังกฤษ แพ้ โปรตุเกส รอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตบอลโลก 2006 ระบุเหตุการณ์ในครั้งนั้นเปลี่ยนทุกอย่างจนนำทำให้พวกเขาเป็นคู่หูสุดแกร่งและนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิ่งใหญ่
เวย์น รูนี่ย์ กองหน้ามากประสบการณ์ชาวอังกฤษ เปิดเผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะซูเปอร์สตาร์ หลังเกิดเหตุการณ์ที่โดนไล่ออกในแมตช์ที่ทัพ “สิงโตคำราม” แพ้ โปรตุเกส ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2006
เหตุการณ์ที่เป็นที่โจษจันอย่างมากในแมตช์นั้นก็คือในนาทีที่ 61 “รูน” ย่ำใส่ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ โดยในจังหวะนั้น โรนัลโด้ เป็นหนึ่งในกลุ่มแข้งเลือดฝอยทองที่เข้าไปพัวพันเพื่อฟ้องกรรมการให้จัดหนัก ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเพราะเขาโดนใบแดงไล่ออก ในขณะที่ “ซีอาร์ 7” แอบสะใจด้วยการกระพริบตาไปที่ซุ้มม้านั่งสำรองของ โปรตุเกส ประมาณว่าภารกิจการตัดแข้งสำคัญของคู่แข่งออกจากเกมได้สำเร็จลุล่วง
เมื่อเกมเวิลด์ คัพ จบลงทั้งสองคนก็กลับมาเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนเดิม โดย รูนี่ย์ ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เป็นผู้เล่น-โค้ชให้กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เปิดใจว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นตนผิดหวังมากๆ แต่ก็นำไปสู่ยุคทองของ “ปีศาจแดง” เช่นกัน “เกมนั้นทุกอย่างกำลังไปได้สวย จากนั้นต้นครึ่งหลัง ผมโดนใบแดงไล่ออก”
“มันเป็นปฏิกิริยาตอนที่กรรมการไม่เปาให้ผมได้ฟรีคิก แน่นอนว่ามันฟาวล์ อดีตกองหลังเชลซี ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ทั้งผลักทั้งดันผม และ เปตีต์ ก็เข้ามาอยู่อีกด้านของผม จริงแล้วตอนนนั้นเท้าของผมย่ำใส่ คาร์วัลโญ่ จริงๆ ซึ่งมันเป็นหนึ่งในจังหวะที่คุณไม่ได้คาดคิด”
“ผมรู้ว่ามันต้องเป็นใบแดง และเดินกลับไปห้องแต่งตัว ผมนั่งดูเกมที่เหลืออยู่ทางทีวีเล็กๆ และคิดไปด้วยว่า -ถ้าเราชนะเกมนี้ ผมต้องโดนแบนในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก และรอบชิงด้วย และถ้าเราแพ้ผมคงโดนตำหนิ มันแย่สุดๆ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดบอกไม่ถูก”
“ผมถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ และผมก็ได้รับข้อความจาก โรนัลโด้ แน่นอนว่าตอนที่เขาวิ่งเข้าไปขอ อลิซอนโด้ เพื่อให้ไล่ผมออกผมผลักเขาออกไป ในเวลานั้นผมไม่อยากเชื่อสิ่งที่เขาทำจริงๆ แต่เมื่อนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวมันทำให้ผมสงบลง และมีเวลาคิดทบทวน”
“ผมลองนึกว่าตัวเองเป็น โรนัลโด้ แล้วผมจะทำเหมือนกับเขาไหม ? บางทีก็คงทำ ผมจะไปยืนต่อหน้ากรรมการเพื่อทำให้แน่ใจว่าเขาจะได้ไล่ออกไหม ? ถ้าเขาสมควรโดนไล่ออก ถ้ามันช่วยให้เราชนะ ไม่ต้องสงสัย ผมจะทำแบบนั้นเหมือนกันในวันพรุ่งนี้ ”
“อีกสามปีต่อมาเรากลายเป็นคู่หูที่สุดยอดที่สุด และพาทีมคว้าแชมป์ 3 สมัย พร้อมกับแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ผมคิดว่า -จริงๆ แล้วผมพยายามที่จะทำให้เขาโดนใบเหลืองในช่วงครึ่งแรกจากจังหวะพุ่งล้ม – การกระพริบตา ผมมองไม่เห็นจังหวะนั้น มันไม่มีอะไรเลย แน่นอนว่าผมสงบลงแล้ว” รูนี่ย์ ร่ายยาว
อ่านเพิ่มเติม >>> WINS UFABET
คลิกเลย >>> https://www.norexice.com/